ความเข้าใจทั่วไป การเรียนสายวิทยาศาสตร์เก่งได้โดยไม่ต้องอ่านหนังสือมากเหมือนสายสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
แต่เอาจริงเข้าไม่ใช่อย่างนั้น เพราะนักวิชาการจากสหรัฐวิพากษ์การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนไทยว่าเด็กมีปัญหาการอ่าน เลยตีโจทย์ไม่แตก
ฉะนั้นต้องเพิ่มทักษะการอ่าน แล้วเลิกสอนให้ท่องจำ ครูควรเลิกยืนหน้าชั้นบอกให้เด็กจดตามครู ฯลฯ จะสรุปข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ (ฉบับวันพุธที่ 12 กันยายน 2555 หน้า 16) มาให้รู้ไว้ดังนี้
ทอม คอร์คอแรน ผู้อำนวยการร่วมสถาบันวิจัยนโยบายการศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นักวิจัยและพัฒนาการสอนในสหรัฐอเมริกา ผู้มีประสบการณ์ศึกษาการจัดการสอนด้านวิทยาศาสตร์ในหลายๆประเทศ และมีประสบการณ์ทำงานร่วมกับครูสอนวิทยาศาสตร์ไทยเป็นระยะเวลากว่า 6 ปีเต็ม ได้สะท้อนถึง “ปรากฏการณ์ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ไทย” ตอนหนึ่งว่า
เด็กหลายคนมีปัญหาเรื่องการอ่าน เพราะไม่สามารถอ่านโจทย์ให้เข้าใจได้ ดังนั้นสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ควรส่งเสริมให้ครูที่สอนวิทยาศาสตร์ต้องสอนทักษะทางภาษาและการอ่านให้เด็ก โดยเฉพาะการอ่านโจทย์แบบวิเคราะห์
การสอนในห้องเรียนวิทยาศาสตร์ของไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ควรปรับปรุง มีประเด็นสำคัญดังนี้
1) ครูต้องไม่สอนให้เด็กท่องจำเนื้อหาเป็นหลัก แต่เน้นความเข้าใจในเนื้อหาและสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ให้เด็ก
2) เวลาเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของเด็กไทยน้อยกว่าประเทศอื่นๆ
3) หลักสูตรวิทยาศาสตร์ของไทย พยายามใส่เนื้อหาและสาระวิชามากเกินไป จนทำให้เด็กไทยไม่มีโอกาสทำความเข้าใจเชิงลึกในเนื้อหา
4) สภาพชั้นเรียนส่วนใหญ่ครูจะยืนบอกให้เด็กจดหน้าชั้นเรียน หรือเดินตามสูตรสำเร็จที่หนังสือให้ไว้ ทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็ก
5) การสอบมุ่งใช้“ความจำ”เป็นหลัก โดยวัดผลที่ข้อเท็จจริงของเนื้อหามากกว่าสาระสำคัญหลักของเรื่อง ทำให้ครูก็ต้องสอนแบบนั้น
“ปัญหาที่เกิดขึ้นมันโยงใยกันทั้งหมด ทั้งหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาหลายเรื่อง ชั่วโมงเรียนที่น้อย การสอนที่เน้นท่องจำเนื้อหา เหล่านี้คือเงื่อนไขที่ทำให้ครูต้องสอนแบบนี้ ไม่ใช่ครูไม่อยากเป็นครูสอนที่ดี แต่เกิดจากบริบทที่นำพาให้ครูต้องสอนเช่นนี้” ทอมบอก
ปัจจุบันทอมร่วมกับ สสวท. ปรับหลักสูตรวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ใหม่ให้อยู่บนกรอบความคิดหลัก และออกแบบการสอนให้สอดคล้องกรอบความคิดหลักนั้น
ไม่น่าเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ไทยในห้องเรียน ก็สอนให้ท่องจำเป็นหลักเหมือนวิชาอื่นๆ จึงอ่านน้อย เลยเข้าใจอะไรๆไม่มาก ก็ตีโจทย์ไม่แตก
จินตนาการที่ผมเคยมีมานานนักหนา พากันพังเพหมดเลย
ที่มา http://www.sujitwongthes.com/2012/09/siam26092555/
แต่เอาจริงเข้าไม่ใช่อย่างนั้น เพราะนักวิชาการจากสหรัฐวิพากษ์การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนไทยว่าเด็กมีปัญหาการอ่าน เลยตีโจทย์ไม่แตก
ฉะนั้นต้องเพิ่มทักษะการอ่าน แล้วเลิกสอนให้ท่องจำ ครูควรเลิกยืนหน้าชั้นบอกให้เด็กจดตามครู ฯลฯ จะสรุปข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ (ฉบับวันพุธที่ 12 กันยายน 2555 หน้า 16) มาให้รู้ไว้ดังนี้
ทอม คอร์คอแรน ผู้อำนวยการร่วมสถาบันวิจัยนโยบายการศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นักวิจัยและพัฒนาการสอนในสหรัฐอเมริกา ผู้มีประสบการณ์ศึกษาการจัดการสอนด้านวิทยาศาสตร์ในหลายๆประเทศ และมีประสบการณ์ทำงานร่วมกับครูสอนวิทยาศาสตร์ไทยเป็นระยะเวลากว่า 6 ปีเต็ม ได้สะท้อนถึง “ปรากฏการณ์ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ไทย” ตอนหนึ่งว่า
เด็กหลายคนมีปัญหาเรื่องการอ่าน เพราะไม่สามารถอ่านโจทย์ให้เข้าใจได้ ดังนั้นสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ควรส่งเสริมให้ครูที่สอนวิทยาศาสตร์ต้องสอนทักษะทางภาษาและการอ่านให้เด็ก โดยเฉพาะการอ่านโจทย์แบบวิเคราะห์
การสอนในห้องเรียนวิทยาศาสตร์ของไทย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ควรปรับปรุง มีประเด็นสำคัญดังนี้
1) ครูต้องไม่สอนให้เด็กท่องจำเนื้อหาเป็นหลัก แต่เน้นความเข้าใจในเนื้อหาและสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ให้เด็ก
2) เวลาเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของเด็กไทยน้อยกว่าประเทศอื่นๆ
3) หลักสูตรวิทยาศาสตร์ของไทย พยายามใส่เนื้อหาและสาระวิชามากเกินไป จนทำให้เด็กไทยไม่มีโอกาสทำความเข้าใจเชิงลึกในเนื้อหา
4) สภาพชั้นเรียนส่วนใหญ่ครูจะยืนบอกให้เด็กจดหน้าชั้นเรียน หรือเดินตามสูตรสำเร็จที่หนังสือให้ไว้ ทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็ก
5) การสอบมุ่งใช้“ความจำ”เป็นหลัก โดยวัดผลที่ข้อเท็จจริงของเนื้อหามากกว่าสาระสำคัญหลักของเรื่อง ทำให้ครูก็ต้องสอนแบบนั้น
“ปัญหาที่เกิดขึ้นมันโยงใยกันทั้งหมด ทั้งหลักสูตรที่เน้นเนื้อหาหลายเรื่อง ชั่วโมงเรียนที่น้อย การสอนที่เน้นท่องจำเนื้อหา เหล่านี้คือเงื่อนไขที่ทำให้ครูต้องสอนแบบนี้ ไม่ใช่ครูไม่อยากเป็นครูสอนที่ดี แต่เกิดจากบริบทที่นำพาให้ครูต้องสอนเช่นนี้” ทอมบอก
ปัจจุบันทอมร่วมกับ สสวท. ปรับหลักสูตรวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ใหม่ให้อยู่บนกรอบความคิดหลัก และออกแบบการสอนให้สอดคล้องกรอบความคิดหลักนั้น
ไม่น่าเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ไทยในห้องเรียน ก็สอนให้ท่องจำเป็นหลักเหมือนวิชาอื่นๆ จึงอ่านน้อย เลยเข้าใจอะไรๆไม่มาก ก็ตีโจทย์ไม่แตก
จินตนาการที่ผมเคยมีมานานนักหนา พากันพังเพหมดเลย
ที่มา http://www.sujitwongthes.com/2012/09/siam26092555/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น